ผิวหน้าเป็นฝ้าก็ว่าทุกข์ใจแล้ว แต่ถ้าไปเจอครีมทาฝ้าที่ทำให้หน้าพัง ยิ่งช้ำใจหนักกว่าเดิมหลายเท่า ครีมทาฝ้าตามท้องตลาดมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ แต่ละตัวก็มีข้อแตกต่างกันไป แต่ก็มีไม่น้อยที่เป็นอันตรายต่อผิว ทำให้ผิวของเรากลายเป็นผิวบาง เซนซิทีฟ หรือมีความด่าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ หลาย ๆ ปัญหาเหล่านี้อาจจะให้เราต้องพิถีพิถันในการเลือกครีมทาฝ้ากันใหม่ วันนี้เราเลยมาบอกเคล็ดลับ 5 ทริค ที่จะช่วยให้คุณได้ครีมทาฝ้าที่ดีมีประสิทธิภาพไปดูแลผิวค่ะ

1.ปราศจากสารไฮโดรควิโนน 

สารไฮโดรควิโนนอันตรายต่อผิวไม่น้อยเลย หากเราใช้ครีมทาฝ้าที่มีสารประกอบตัวนี้ เมื่อใช้ต่อเนื่องไปนาน ๆ จะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว เกิดตุ่มนูนสีดำที่โหนกแก้มและสันจมูก ส่งผลให้เป็นมะเร็งที่ผิวหนังในที่สุด และยังมีจุดด่างขาวที่ผิวหน้า ทำให้หน้าดำ จนเกิดเป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หายขาดได้ค่ะ

2.ปราศจากกรดเรทิโนอิก

กรดเรทิโนอิกทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ทำให้หน้าแดงแสบร้อนอย่างรุนแรง ผิวหน้าลอก อักเสบ แพ้แสงแดดได้ง่าย เพียงออกไปเจอแสงแดดแค่ครู่เดียว หน้าก็แสบแดงขึ้นมาทันที นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์อีกด้วยนะคะ หากครีมทาฝ้าตัวไหนมีส่วนประกอบของกรดเรทิโนอิก เราก็ควรหลีกเลี่ยงไม่นำมาใช้กับผิวค่ะ

3.ปราศจากสารปรอท

สารปรอทเราได้ยินกันบ่อยอยู่แล้วว่าเป็นอันตรายต่อผิว เมื่อใช้ไปนาน ๆ จะทำให้เกิดการพิษของสารปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ตับไตภายในร่างกายอักเสบ ทำลายสีของผิวหนังและเล็บมือ ทำให้ผิวบางขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังเกิดการแพ้และเกิดรอยแผลเป็นที่ผิวได้ 

4.ปราศจากสเตียรอยด์ (Steroild)

หากเราใช้ครีมทาฝ้าที่มีสเตียรอยด์ไปนาน ๆ จะทำให้เกิดการสะสมสเตียรอยด์ในผิวหนัง จนเกิดผดผื่นคันระคายเคืองที่ผิว เกิดรอยแตกรอยแยกที่ผิวหนัง ทำให้เกิดความผิดปกติที่เส้นเลือดใต้ผิวหนัง สังเกตง่าย ๆ ว่าผิวของเราจะแดงตลอดเวลา และทำให้เกิดหน้าด่างขาวถาวร ถึงตอนนี้รักษากันยากแล้วล่ะค่ะ

5.เลือกครีมทาฝ้าที่ผลิตด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 

ครีมทาฝ้าConcept ที่มีส่วนผสมสารสกัดจากธรรมชาติไม่ก่อเกิดการระคายเคืองผิว มีความอ่อนโยน ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ ให้จางลงอย่างเป็นธรรมชาติภายใน 3 สัปดาห์ เมื่อหยุดใช้ก็ต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหาหน้าบาง ไม่มีผลข้างเคียง ใช้แล้วปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ ค่ะ